มาตรการแก้ปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชน
********************************
สำหรับหนี้สินของประชาชน แบ่งตามกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
- หนี้ กยศ. 3.6 ล้านคน ผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน
- หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี
- หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 6.5 ล้านบัญชี
- หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี
- ปัญหาหนี้สินอื่น ๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชี
มาตรการระยะสั้นแก้ปัญหาหนี้ใน 6 เดือน
นายกฯ ระบุว่า สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ มาตรการระยะสั้นต้องเร่งทำให้เกิดขึ้นภายใน 6 เดือน เช่น การลดภาระดอกเบี้ยของประชาชน คือสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และนาโนไฟแนนซ์ สำหรับประชาชนต้องมีการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ ในส่วนของครูและข้าราชการต้องดูหนี้สินที่มีกับสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งต้องปรับรูปแบบการชำระหนี้ คุ้มครองเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม กรณีเหล่านี้จะรวมไปถึงหนี้เช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ด้วย จึงได้ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ย และการกำกับดูแลธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
แนะไกล่เกลี่ยหนี้เพื่อลดคดีให้ประชาชน
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า การไกล่เกลี่ยหนี้เพื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน เช่น หนี้ กยศ., หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ, หนี้สหกรณ์ และให้เพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแก่ผู้ประกอบการรายย่อย SMEs จัดให้มี Soft Loan สำหรับ SMEs ที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้จะต้องไปดูการเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำและจัดทำโรงรับจำนองเพิ่มขึ้น เพื่อดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่มีที่ดินจำนวนจำกัดอยู่ ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าถึงสินเชื่อได้
มาตรการระยะยาวเน้นแก้ปัญหาครอบคลุมทุกส่วน
ส่วนมาตรการระยะยาว การเร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง การให้ความช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่ คนเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยจะต้องออกมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัย ค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนให้มีราคาถูกลง ตลอดจนการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ เพิ่มการดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ การจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงินเพื่อชะลอการฟ้อง อำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย