วันนี้ (19 ก.พ.67) เวลา 19.00 น. ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี นายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานการจัดดำเนินการ ตามที่ฝ่ายเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมราชการด้านการท่องเที่ยว ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายนิพัส เพ็ชร์ลมุล ผอ.สวท.ปัตตานี ทหาร ตำรวจ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการเตรียมความพร้อมอย่างพร้อมเพรียงกัน

การเดินทางมาตรวจเยี่ยมราชการด้านการท่องเที่ยว ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีในครั้งนี้ จังหวัดปัตตานีมีการเตรียมความพร้อมของคณะทำงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย พร้อมทั้งมีการนำเสนอภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดปัตตานี ว่ามีความน่าสนใจด้านใดและมีความสวยงามอย่างไร จากการเล่าขนานนามที่ว่า “เมืองงามสามวัฒนธรรม ศูนย์ฮาลาลเลิศล้ำ ชนน้อมนำศรัทธา ถิ่นธรรมชาติงามตา ปัตตานีสันติสุขชายแดนใต้” นี่คือคำขวัญประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งจากการเตรียมความพร้อมของรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีในวันนี้ เพื่อแสดงให้เห็นพื้นที่ของจังหวัดปัตตานีในการเป็นเมืองแห่งพหุวัฒนธรรม ตามที่จังหวัดปัตตานีมักถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนพหุวัฒนธรรม นั้นเป็นเพราะว่า มีกลุ่มคนที่อยู่อาศัยหลากหลายเชื้อชาติและศาสนา ทั้งไทย - พุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ความแตกต่างเหล่านี้นี่เองที่เป็นที่มาของพหุวัฒนธรรม คือความหลายหลากทางวัฒนธรรม ความงดงามในวิถีชีวิตที่หลอมรวมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาตินี้เอง ที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนจากหลากหลายจังหวัดเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดปัตตานี แตกต่างแต่ไม่แตกแยก มิใช่วาทกรรม แต่ได้ผุดขึ้น และงอกงามในวัฒนธรรมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังเห็นได้จากความมีน้ำจิตน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่เกี่ยงศาสนา

ภารกิจการเตรียมความพร้อมในวันนี้ เพื่อเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ ที่จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมราชการด้านการท่องเที่ยว ที่เป็นการแสดงให้ปรากฏถึงความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจังหวัดปัตตานี โดยมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ 2497 ซึ่งใช้เวลาดำเนินการสร้างประมาณ 9 ปี และทำพิธีเปิดโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2506 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้  โดยใช้พื้นที่บริเวณริมถนนหลวงสายปัตตานี-ยะลา ย่านตำบลอาเนาะรูกว้าง 3 ไร่ 55 ตารางวา ตามแนวคิดของรัฐบาลในสมัยนั้น ที่ต้องการให้เกิดสันติสุขขึ้นในพื้นที่ห่างไกลที่มักมีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งจากสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่พัฒนา และความแตกต่างทางศาสนา มัสยิดมียอดโดมสีเขียวขนาดใหญ่ และโดมขนาดเล็กลงไปล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน อีกทั้ง ด้านข้างมี หออะซาน 2 หอ และมีสระน้ำตั้งอยู่ด้านหน้าของมัสยิด ที่สะท้อนแสงเงาของมัสยิด ได้อย่างงดงาม ทั้งยังเป็นศาสนสถานศูนย์รวมจิตใจของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามในภาคใต้ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย ทั้งนี้ จากกำหนดการจะเริ่มจากนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมและพบปะคณะกรรมการอิสลามและคณะกรรมการมัสยิด นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะร่วมบันทึกภาพร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีและผู้แทนภาครัฐ เป็นเสร็จสิ้นกิจกรรมในวันนั้น