วันนี้ (23 ก.พ.67) ณ มัสยิดคางา ม.4 บ้านคางา อำเภอยะรัง ณ ศาลาหน้ามัสยิดศาลาสอง ม.4 บ้านศาลาสอง อำเภอยะรัง ณ บ้านกำนัน ม.5 บ้านบาราเฮาะ (เข้าซอยตลาด) ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ม.3 บ้านกือยา อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี นายสนั่น สนธิเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ตรวจเยี่ยมจุดให้บริการวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดปัตตานี หน่วยงานทางการแพทย์ ขอเชิญชวนหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 16 สัปดาห์ (4 เดือน) ขึ้นไป ขอรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรน ฟรี ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านตามพื้นที่อาศัย

ดังนั้น จังหวัดปัตตานี ได้เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนโรคไอกรน จึงได้มีการตรวจเยี่ยมพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ระมัดระวัง ป้องกันและดูแลคนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคไอกรนให้รีบเข้ารับการรักษา หากพบว่าเป็นผู้ที่มีอาการป่วยหรือความเสี่ยงโรคดังกล่าว ด้วยการป้องกันโดยการฉีดวัคซีนโรคไอกรน เพราะเป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่เรียกว่า เชื้อไอกรน ซึ่งมีอยู่ในคอของผู้ป่วยที่เป็นโรคในระยะแรก มีการแพร่กระจายโดยการสัมผัสกับสารคัดหลั่งโดยตรงจากผู้ที่ป่วย ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 7-14 วัน ทำให้มีอาการไอมาก จนหายใจลำบาก โดยเฉพาะการสังเกตุอาการของผู้ที่มีความเสี่ยงอาการโรคไอกรน คืออาการช่วงแรก คล้ายไข้หวัด มีไข้ต่ำ ๆ จาม มีน้ำมูก จากนั้นจะมีการไอเป็นชุด ๆ ซึ่งอาการไอมักรุนแรงต่อเนื่องเกิน 3 สัปดาห์ จนผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยและเพลียมาก อาจพบหลอดเลือดดำที่คอโป่งพองจนมองเห็นได้ชัด หรือมีเส้นเลือดในตาขาวแตกหรือปัสสาวะเล็ดได้ สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือได้รับไม่ครบตามกำหนด อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนถึงชีวิตได้

ทั้งนี้ ไอกรน เป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน โดยเชื้อสามารถแพร่กระจายได้จากการไอหรือจาม ทารกและเด็กเล็กจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากที่สุด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อย่างไรก็ตาม ไอกรนป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน แพทย์จะฉีดวัคซีนรวม คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน โดยเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 7 ปี เริ่มฉีด 3 เข็มแรกเมื่อเด็กที่มีอายุ 2 เดือน